“ท เทพแห่งเงา...ท่านเชร่า(เช-ร่า) เหล่าหางทั้งหมดต่างกลัวกับการปรากฎตัวของเทพองค์นี้ โดยเฉพาะเหล่าชาวเมืองแห่งแสงที่ต้องการให้กำจัดเฉดที่วิ่งไปมาในเมือง “ท่านเชร่า เอ่อ...” เหล่าหางแห่งหน่วยอัลฟ่าที่หนึ่งต่างเอ่ยเป็นเสียงเดียวกันและพูดไม่ออกเหมือนกัน เชร่าที่ปรากฎตัวเสร็จแล้วจึงยื่นมือออกมาข้างหน้าอย่างช้าๆ เหล่าหางชาวเมืองแห่งแสงต่างกลัวกับท่าทางที่เย็นชาของเทพแห่งเงา จนบางตัวถึงกับร้องไห้ออกมา เพียงแค่เทพแห่งเงาสะบัดแขนที่ยื่นมาข้างหน้าออกไปด้านข้าง เหล่าหางทุกตัวสะดุ้งเฮือกและมีเสียงกรีดร้องออกมาจากหลายๆตัวที่กลัว และจึงปรากฎเหล่าเฉดทั้งสามแบบขึ้นมา โดยแบบแรกเป็นเฉดที่เป็นตัวเล็กๆและมีเขาสองข้างงอกออกมาที่ศรีษะด้านบน แบบที่สองเป็นเสมือนกับดวงวิญญาณรูปทรงสามเหลี่ยมคว่ำลอยตัว ดวงตาและปากมีขนาดใหญ่ ส่วนแบบที่สามเป็นเสมือนปีศาจที่ใส่กระโปรง ดวงตามีความโหดร้ายและตัวสูงที่สุดในบรรดาทั้งสามตัว
“ดูซะ เฉดของเรามันต้องเป็นแบบนี้ สีดำสนิทกึ่งมันเงาบ่งบอกถึงสุขภาพที่แข็งแรง ลวดลายบนตัวของเฉดเราต้องสวยงามบูดเบี้ยว จำไว้ด้วย” เชร่าอธิบายเสร็จจึงสะบัดมือที่อยู่ข้างลำตัวอีกครั้ง เหล่าเฉดก็หายตัวไปในทันที “ท่านเชร่า งั้นแสดงว่า” หมาฟ้าอากุชี้ไปทางประตูเมืองที่มีเฉดวิ่งไปมาอยู่โดยไม่สนใจอะไร
“ใช่ เจ้าพวกนั้นเป็นของปลอม” เทพเชร่าตอบด้วยเสียงที่หงุดหงิดและโกรธ เหล่าหางชาวเมืองแม้จะรู้แล้วว่าจะไม่โดนเทพแห่งเงาทำอะไรแต่ก็ยังคงกลัวอยู่ “ล แล้วทำไมถึงเป็นอย่างนี้ไปได้” แกะบายะเริ่มสงสัยกับเหล่าทัพที่มาบุก ว่าทำไมต้องใช้รูปร่างแบบนั้น อีกทั้งความสามารถนั้นยังเหมือนกันอีกด้วย
“จะไปรู้เรอะ แค่นี้ก็รู้แล้วว่ามีใครบางตัวพยายามใส่ร้ายให้เราอย่างแน่นอน” เทพเชร่าทิ้งท้ายก่อนที่จะหายตัวไป โดยการโดนเงาของตัวเองสูบลงดินและการหายไปของเงาที่ปรากฎที่พื้น สักพักก็มีเสียงหนึ่งปรากฎขึ้นมาหลังจากที่เทพแห่งเงาจากไป
“ถ้าช่วยได้ ป่านนี้ชั้นไล่จัดการล้างบางไอ้พวกตัวปลอมให้หมดเมืองไปแล้วรู้ไว้ด้วย แต่กฎของเหล่าเทพนั้น ห้ามให้เทพลงไปช่วยเหลือการกระทำใดๆของเหล่าหางโดยเด็ดขาดไม่ว่ากรณีใดๆ หัดจำไว้ด้วยนะ พวกชาวเมืองที่ไม่รู้เรื่องทั้งหลาย” เสียงที่เย็นชาแต่แฝงด้วยความโกรธลอยมาจากอากาศธาตุ เหล่าหางชาวเมืองหลายตัวที่ได้ยินต่างก้มตัวลงขอโทษในทันที แม้ว่าเทพแห่งเงาจะไม่อยู่แล้วก็ตาม เหล่าหางหน่วยอัลฟ่าต่างถอนหายใจโล่งอกที่เทพเชร่าไม่โกรธจนถึงขั้นลงมืออะไรขึ้นมา
“เหล่าหางที่อยู่ในหน่วยอัลฟ่าที่สองโปรดลุกขึ้นแล้วเดินออกมาหารุ่นพี่ของตนด้วยครับ” ชาวเมืองที่ได้ยินสามารถเดาสิ่งที่จะเกิดได้ จึงเริ่มโวยวายเพื่อไม่ให้เหล่าหางที่ตนรู้จักหรือผูกพันธ์นั้นออกไปพบกับอันตราย แต่ก็มีเหล่าหางที่กล้าหาญที่ไม่ได้อยู่หน่วยอัลฟ่าที่สองลุกขึ้นยืนมาหลายตัว
“ถ้าพวกเราที่ไม่ได้อยู่หน่วยอัลฟ่าที่สอง แต่อยากขอร่วมด้วยจะได้มั้ย” เสียงของไบสันชาวเมืองตัวหนึ่งดังขึ้นมาพร้อมกับเสียงเฮของเหล่าหางที่ลุกขึ้นยืนเพื่อปลุกกำลังใจที่อยากช่วยเหลือ เหล่าอัลฟ่าที่หนึ่งต่างซาบซึ้งใจที่มีกำลังพลอยากร่วมด้วยแต่วาฬกิลกลับปฏิเสธในความหวังดีของหางเหล่านั้น
“พวกเราขอขอบคุณทุกตัวมากที่อยากช่วยเหลือพวกเรา แต่ผมไม่อยากให้ชาวเมืองต้องไปพบกับอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ความจริงแล้วพวกผมอยากที่จะลงมือจัดการเองเสียด้วยซ้ำ แต่เพราะหน่วยของเรานั้นมีไม่มาก จึงต้องขอแรงรุ่นน้องจากหน่วยอัลฟ่าที่สองมาช่วยด้วย แต่ผมขอรับรองความปลอดภัยของเหล่ารุ่นน้อง ว่าจะไม่ได้รับอันตรายขั้นรุนแรงอย่างเด็ดขาด เพราะหน้าที่ของเหล่ารุ่นน้องนั้นคือการสนับสนุนจากแนวหลังเท่านั้น รบแนวหน้าพวกเราหน่วยอัลฟ่าที่1จะรับบอาสาทำเอง” เหล่าหางรุ่นน้องต่างทยอยเดินกันออกมาพร้อมกับอาวุธของตนออกมาด้วย เพราะในระหว่างที่เหล่ารุ่นพี่ตนเข้ามาบอกอพยพ ก็ได้สั่งให้นำอาวุธประจำตัวของตนมาด้วยเพื่อสถานการณ์ฉุกเฉิน เมื่อเหล่าหางรุ่นน้องออกมาจนหมดและไปนั่งเรียงแถวรุ่นพี่ของตนที่เคยสอนแล้ว นอกจากกิ้งก่าที่รุ่นพี่ของตนไม่อยู่
“พี่กิล พี่วีล่ะพี่” หลุมดำถามขึ้นมาเพราะสังเกตุไม่เห็นรุ่นพี่ของตนเหมือนกับกิ้งก่าตัวอื่นๆ “เอ่อ เราให้วีออกไปพักผ่อนน่ะ แต่ไม่นึกว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น” วาฬกิลตอบคำถามให้รุ่นน้องของตน “ทหารเสือดำ ขอให้ช่วยดูแลชาวเมืองแห่งแสงด้วยส่วนหนึ่ง และพาอพยพออกนอกพื้นที่เขตบริเวณเมืองไปยังแคมป์ริมน้ำตกด้วย” วาฬกิลสั่งเหล่าทหารเสือดำพร้อมกับการขานรับเสียงดังก่อนที่ทั้งหมดจะค่อยๆพาไปยังพื้นที่ๆกิลบอก เหลือไว้แต่เพียงเหล่าหน่วยอัลฟ่าที่1และ2เท่านั้น
“ขอบคุณพวกเรามากที่ออกมาด้วยความกล้าหาญ แต่งานชิ้นแรกนี้มีความอันตรายสูง เราเปิดโอกาสให้พวกเรากลับไปหาครอบครัว โดยเราจะไม่ถือโทษอะไรต่างๆอย่างเด็ดขาด เพราะภารกิจแรกนี้อาจก่อเกิดอันตรายอาจถึงขั้นชีวิตได้” เหล่าหางรุ่นน้องต่างฮือฮาพูดคุยกันเองกับสิ่งที่กิลได้กล่าวออกมา
“ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องอาย ชีวิตนั้นสำคัญกว่าชื่อเสียง ถ้าเราตายไป เราจะไม่มีโอกาสสร้างชื่อเสียงได้อีก การถอยหนีบางครั้งไม่ใช่ทางเลือกที่ขี้ขลาด แต่มันอาจเป็นทางเลือกที่ฉลาดที่จะรักษาตัวเองให้อยู่รอดต่อไปได้” วาฬกิลประกาศออกมาแต่ก็ไม่มีเหล่าหางตัวไหนลุกขึ้นยืนหรือทำท่าทีจะเดินออกไป แต่กลับลุกขึ้นยืนจับอาวุธแน่น สายตาต่างมุ่งมั่นและเก็บอาวุธเข้ากับตัวเพื่อเตรียมพร้อมพร้อมกับยื่นกระดาษหลายแผ่น ซึ่งแต่ละแผ่นนั้นจะเขียนข้อความเผ่าของตนเองไว้เหนือกระดาษ และข้อความสั้นๆแต่เมื่อรวมกันได้หมดแล้วนั้นมีใจความสรุปร่วมกันว่า
“ถ้าพวกพี่ไปไหนพวกผมก็ไปด้วยน่ะแหละ ถ้าพวกพี่เป็นอะไรไป แล้วพวกผมจะเป็นหน่วยอัลฟ่ามาเพื่ออะไรล่ะพี่” เหล่ารุ่นพี่แต่ละเผ่าที่อ่านแล้วยิ่งซาบซึ้งถึงใจจริงที่เหล่ารุ่นน้องมีให้กับรุ่นพี่ ถึงแม้จะกลัวเพียงขนาดไหน แต่เพราะเวลาที่ผ่านไปจึงทำให้เกิดความผูกพันธ์ เกิดความเชื่อมั่นและศรัทธาแก่หางที่ตัวเองนับถือ ประกอบกับจิตใจที่แรงกล้าที่อยากปกป้องเมืองแห่งแสง จึงเป็นแรงผลักดันให้เกิดกล้าหาญที่จะปกป้องเมืองแห่งนี้ให้ได้โดยเคียงบ่าเคียงไหล่กับรุ่นพี่ของตน
“ขอบคุณทุกตัวกับความกล้าหาญที่มีในตัว พวกเราเหล่าหน่วยอัลฟ่าที่1ขอรับรองว่า จะไม่ให้หน่วยอัลฟ่าที่2ได้รับอันตรายอย่างเด็ดขาด และจะทำหน้าที่อย่างสุดความสามารถ เพื่อปกป้องเมืองแห่งแสงและเหล่ารุ่นน้องทุกตัว” กิลประกาศลั่นพร้อมกับเสียงเฮของเหล่ารุ่นน้องทุกตัวด้วยความฮึกเหิม อาวุธหลากชนิดต่างถูกยกขึ้นมาตามระดับความสูงที่แตกต่างไป
“พี่กิล แล้วพวกเราต้องทำอะไรบ้างน่ะพี่ ผมอยากจัดการพวกวิ่งพล่านพวกนี่แล้ว” แพนด้าคิลถามขึ้นมาท่ามกลางกลุ่มรุ่นน้องขึ้นมาด้วยเสียงดังชัดเจน “ต้องขอโทษด้วยที่ไม่อาจให้ลงลุยได้ เพราะพวกเรายังไม่มีร่างกายที่แข็งแกร่งพอที่จะทนรับได้ ปล่อยให้พวกพี่จัดการแนวหน้าเอง ส่วนพวกเราคอยสนับสนุนด้านหลังให้กับพวกพี่” วาฬกิลบอกหน้าที่อย่างคล่าวๆให้ฟัง ถึงแม้จะไม่ใช่งานที่น่าตื่นเต้นและท้าทาย หรือสาแก่ใจก็ตาม แต่เหล่ารุ่นน้องกลับไม่มีท่าทีปฏิเสธหรืออย่างใด
“ไม่เป็นไรพี่ ขอให้ได้ลุยได้ช่วยอะไรก็พอใจแล้วพี่ แต่ถ้าให้ดีขอสักป้าบนึงก็จะดีมากเลยล่ะพี่” หมาป่าเรนาประกาศกร้าวออกมาต่างทำให้เหล่าหางรุ่นน้องยิ่งฮึกเหิมยิ่งขึ้นไปอีก “เอาล่ะ ฟังนะ เดี๋ยวจะแจกจ่ายหน้าที่ให้ละกัน แต่ขอประชุมรวมกันก่อนนะ” วาฬกิลประกาศขึ้นอีกครั้ง เหล่าหางรุ่นน้องต่างเงียบในทันทีและทำการประชุมกันทุกตัวจนเสร็จ
“แม้งานช่วยสนับสนุนจะไม่มีบทบาทเด่นมากเท่าไร แต่มีความสำคัญไม่ด้อยไปกว่าเหล่าแนวหน้าที่ต้องบุกออกไป หรืออาจจะมีความสำคัญมากกว่าก็ได้ เพราะฉะนั้นพวกพี่ขอฝากเรื่องนี้ให้กับรุ่นน้องทุกตัว และพี่เชื่อว่าทุกตัวสามารถทำออกมาได้ดีแน่” วาฬกิลให้กำลังใจกับรุ่นน้องทุกตัวและลุกขึ้นยืนขึ้นมา ทุกตัวก็ลุกตามกันและหันไปทางหน้าประตูเมือง พร้อมกับกลุ่มของทหารเสือดำที่วิ่งตามมาอีกทางหนึ่งตามมาสมทบทีหลัง
“ท่านกิล การอพยพประชากรชาวหางสำเร็จลุล่วงด้วยดีไม่มีปัญหาใดๆ ทุกตัวต่างอยู่ในความสงบครับ” ทหารเสือดำตัวหนึ่งรายงานให้กับวาฬกิลฟัง “ขอบใจมาก ตอนนี้พวกเราจะเริ่มทำการกู้เมืองอีกครั้ง ขอให้พวกนายคุ้มครองความปลอดภัยแก่เหล่าหน่วยอัลฟ่าที่สองด้วย” วาฬกิลสั่งมอบหมายหน้าที่ให้ “ครับ” เหล่าทหารเสือดำแนบหอกประจำตัวไว้ที่ด้านข้างตนและยกมือขวาประสานอก อันเป็นท่ารับมอบหมายของกองกำลังเสือดำ
“ท่านโบลดาซล่ะ” วาฬกิลถามกลุ่มทหารเสือ “ตั้งแต่การปรากฏตัวของเฉด หัวหน้าหน่วยกองกำลังก็ออกปฏิบัติภารกิจนอกกำแพงเมืองทันทีเลยครับ เหล่าทหารเสือดำของเราบางนายเหมือนถูกสะกดจิตและทำร้ายกันเอง ท่านเลยลากทหารเหล่านั้นบางส่วนออกนอกเขตเมืองครับ” ทหารเสือตัวหนึ่งรายงานให้กับวาฬกิลฟัง
“มันไม่ได้เล็งเพื่อทำลายเมือง แต่มันคิดจะล้างเมืองเลยนี่นา ถึงกับสะกดจิตกองกำลังเสือดำแบบนี้” เพนกวิ้นเจทวิเคราะห์สถานการณ์ออกมาให้ฟังเพื่อที่จะเตรียมรับมือถูก “ขอให้พวกเราระวังให้มาก มันมความสามารถในการสะกดจิตให้แปรพักตร์พวกได้ ถ้าใครมีท่าทีที่ประหลาดออกไป ขอให้ทำการจับล็อคตัวและปลดอาวุธตัวนั้นทันทีซะ ห้ามใช้ความรุนแรงอย่างเด็ดขาด โดยเฉพาะเหล่ากองกำลังเสือดำโปรดระวังให้มากด้วย เป้าหมายของพวกมันเล็งไปที่หางที่มีความแข็งแกร่งของร่างกายเป็นพิเศษ ซึ่งพวกนายมีคุณสมบัติพอดี” “รับทราบ” เหล่าหางทุกตัวขานรับอย่างเข้มแข็ง
“เราจะเริ่มปฏบัติภารกิจกู้เมืองแห่งแสงคืน เริ่มภารกิจได้” สิ้นเสียงประกาศศึกของกิล เสียงเฮโลเหล่าหางหน่วยอัลฟ่าทั้ง2และกองกำลังเสือดำดังขึ้นสนั่นไปทั่ว
ทางด้านของเสลธที่อยู่ที่ทำการของกองกำลังเสือดำ ซึ่งเป็นที่ทำงานสังกัดหน่วยกองกำลังของโบลดาซ เสลธเดินสำรวจสถานที่แห่งนี้ซึ่งเหลือแต่ความว่างเปล่าและที่เก็บหอกวางประดับไว้
“เชอะ ไหวตัวทันเรอะเจ้าพวกนี้” เสลธพูดอย่างไม่สบอารมณ์ที่เมืองทั้งเมืองแห่งนี้ไม่เหลือเหล่าหางเลยแม้แต่ตัวเดียว ซึ่งถ้าตามแผนแล้วนั้นถึงแม้จะไหวตัวทันแต่ก็ไม่น่าจะไวถึงขั้นอพยพหนีได้หมด ซึ่งน่าจะมีซากเหล่าหางที่หนีไม่ทันบ้าง “ไอ้เจ้าพวกนั้นสินะที่มันไหวตัวทัน” เสลธนึกถึงเหล่าหางหน่วยอัลฟ่าที่หนึ่งที่สังเกตุเห็นตอนอยู่บนต้นไม้
“งั้นต้องเพิ่มเจ้าพวกนี้ออกมา พวกมันจะได้ไม่รอด” เสลธว่าเสร็จก็เกิดการปรากฎตัวของเฉดร่างสองขึ้นมาในทันทีเป็นกองทัพ ซึ่งเสลธที่อยู่บนแท่นที่ยกให้สูงที่ด้านในสุดของที่ทำการ พร้อมกับการปรากฏของเฉดร่างสองจนแน่นที่ทำการแห่งนี้ “ใช้พลังไปเยอะเหมือนกันนะนี่ที่เรียกเจ้าพวกนี้ออกมา” เสลธบ่นออกมาเบาๆแต่ยังคงยืนอย่างปรกติ
“แต่ก็คุ้มค่าถ้าจะกำจัดพวกน่ารำคาญให้หายๆไปซะได้” เสลธยิ้มอย่างเจ้าเล่ก่อนที่จะตีหน้าปรกติอีกครั้ง “หน้าที่ของพวกแกคือเฝ้าพื้นที่บริเวณนี้ ถ้ามีใครบุกรุกเข้ามา กำจัดมันทิ้งให้หมด” เสลธออกคำสั่งให้กับเฉดร่างสองพร้อมกับการแยกย้ายไปกระจายกันไปทั่วบริเวณต่างๆของเมืองเขตนี้
“เข้ามาเลยเจ้าพวกโง่ ถ้าเก่งนักก็ลองฝ่ากองทัพของข้าดู แต่แกจะกล้าพอที่จะกำจัดสมุนของเทพแห่งความมืดรึเปล่าเท่านั้นแหละ ฮ่าๆๆๆ” เสลธเผยถึงแผนอันเจ้าเล่ให้ตัวเองฟังอย่างสะใจก่อนที่จะเดินออกไปยังสวนแห่งแสง “แต่ก็ดี ในเมื่อไม่มีใครอยู่ เราก็จัดการคริสตัลแห่งแสงให้ดับลงทั่วทั้งสวนนี้ได้สบายล่ะ” เสลธทบทวนแผนของตนเองและเปลี่ยนสิ่งที่ไม่เป็นไปตามคาดหวังให้เป็นโอกาสของตนเอง
“หึ ต่อให้เป็นเทพก็เถอะ แต่ถ้าเทพไร้ซึ่งพลังที่จะปกป้องแล้วจะทำอะไรได้ ถึงแม้จะเป็นเทพแห่งแสงก็ตาม”
รูปของเฉดที่ว่าครับ หาร่าง3ไม่เจอ
admin wrote: